เชื้อราสาเหตุ : Bipolaris oryzae
ลักษณะอาการ
พบมากในระยะแตกกอ มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล รูปกลมหรือรูปไข่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 – 1 มิลลิเมตร ขอบนอกของแผลมีสีเหลือง บางครั้งพบแผลไม่เป็นวงกลมหรือรูปไข่ แต่จะเป็นรอยเปื้อนคล้ายสนิมกระจัดกระจายทั่วไปบนใบข้าว หากอาการรุนแรงใบจะแห้ง ต้นกล้าแสดงอาการไหม้ ในแผลที่เจริญเต็มที่เป็นสีน้ำตาล กลางแผลสีเทาหรือขาว รวงข้าวที่เป็นโรคจะมีจุดสีน้ำตาล เกิดอาการด่างบนเมล็ด โดยแผลยังสามารถเกิดบนเมล็ดข้าวเปลือกได้อีกด้วย บางแผลมีขนาดเล็ก บางแผลอาจมีขนาดใหญ่ คลุมเมล็ดข้าวเปลือก ทำให้เมล็ดข้าวเสื่อมคุณภาพ
การแพร่ระบาด
เกิดจากสปอร์ของเชื้อราปลิวไปตามลม และติดไปกับเมล็ด การปลูกข้าวแบบต่อเนื่อง ไม่พักดินและขาดการปรับปรุงบำรุงดิน จะเพิ่มโอกาสการระบาดของโรคอาการใบจุดสีน้ำตาล ซึ่งสปอร์เชื้อราจะเจริญเติบโตที่อุณหภูมิ 25-30 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะเมื่อข้าวเกิดความเครียดจากการขาดน้ำ และมีการติดเชื้อที่ความชื้น 90-100%
คำแนะนำป้องกันกำจัด
- การใช้ข้าวพันธุ์ต้านทาน
- ปรับปรุงดินโดยการไถกลบฟาง หรือเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ดินโดยการปลูกพืชปุ๋ยสด หรือปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อช่วยลดความรุนแรงของโรค
- คลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น แมนโคเซ็บ หรือคาร์เบนดาซิม+แมนโคเซ็บ
อัตรา 3 กรัม/เมล็ด 1 กิโลกรัม
- ใส่ปุ๋ยโปแตสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) อัตรา 5-10 กิโลกรัม/ไร่ ช่วยลดความรุนแรงของโรค
- กำจัดวัชพืชในนา ดูแลแปลงให้สะอาด และใส่ปุ๋ยในอัตราที่เหมาะสม
- ฉีดพ่นด้วยไตรโคเดอร์มาในอัตราส่วนเชื้อสด 200 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- หากพบอาการของโรคใบจุดสีน้ำตาลรุนแรงในระยะข้าวแตกกอ หรือในระยะที่ต้นข้าวตั้งท้องใกล้ออกรวงควรฉีดพ่นด้วย
สารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น คาร์เบนดาซิม แมนโคเซ็บ โพรพิโคนาโซล ทีบูโคโนโซล ครีโซซิม-เมทิล หรือ คาร์เบนดาซิม+แมนโคเซบ ตามอัตราที่ระบุ
แหล่งข้อมูล : กรมการข้าว, กรมส่งเสริมการเกษตร
เรียบเรียงโดย : ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสุพรรณบุรี ศูนย์ปฏิบัติการภายใต้กำกับดูแลของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี