เตือนเกษตรกรชาวสวนทุเรียน ระวังการระบาดของโรครากเน่าโคนเน่า เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกความชื้นในอากาศสูง สภาพแวดล้อมเหมาะต่อการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้นขอให้เกษตรกรหมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรปล่อยให้มีน้ำท่วมขังในสวน หากมีน้ำท่วมควรรีบระบายออก เมื่อพบทุเรียนมีอาการใบอ่อนแสดงอาการเหี่ยวเหลือง บริเวณแผลมีลักษณะฉ่ำน้ำ สีน้ำตาลอ่อน และเปลี่ยนเป็นสีดำตายนึ่งคล้ายน้ำร้อนลวก บริเวณลำต้นพบคราบน้ำบนผิวเปลือก รากฝอยมีลักษณะเปลือกล่อน และเปื่อยยุ่ยเป็นสีน้ำตาล ให้ดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาดรุนแรง หรือสามารถขอคำแนะน่าในการป้องกันกำจัดได้ที่เจ้าหน้าที่ส่านักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Phytophthora Palmivora
ลักษณะอาการ
รากเน่า : หากขุดดูราก จะพบรากฝอยแสดงอาการเน่ามีลักษณะเปลือกล่อน และเปื่อยยุ่ยเป็นสีน้ำตาล
อาการที่กิ่ง : ใบเหลืองเป็นบางกิ่ง สังเกตเห็นคล้ายคราบน้ำบนผิวเปลือกของกิ่งหรือต้น
อาการที่ใบ : ใบอ่อนแสดงอาการเหี่ยว เหลือง บริเวณแผลมีลักษณะฉ่ำน้ำ สีน้ำตาลอ่อน และเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ายน้ำร้อนลวก เส้นใบมีสีน้ำตาลดำ
คำแนะนำป้องกันกำจัด
- การหมั่นสำรวจแปลงสม่ำเสมอ
- บำรุงต้นทุเรียนให้แข็งแรง
- หลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้รากหรือลำต้นเกิดแผล
- ทำความสะอาดเครื่องมือก่อนนำไปใช้ใหม่ทุกครั้ง
- ตัดแต่งกิ่งหรือลำต้นส่วนที่เป็นโรคไปเผาทำลาย
ชีวภัณฑ์หรือสารเคมีที่แนะนำ
- เชื้อราไตรโคเดอร์มา ผสมกับรำข้าวและปุ๋ยอินทรีย์ ในอัตรา 1:4:10 โรยลงดินในพื้นที่รัศมีทรงพุ่ม ในอัตรา 50 กรัมต่อตารางเมตร หรือใช้รองก้นหลุม อัตรา 10-100 กรัม
- การใช้เมทาแลกซิล 25% WP หรือ ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% WP อัตรา 30 – 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ฟอสโฟนิก แอซิด 40% SL ผสมน้ำสะอาด อัตรา 1:1
- ใส่กระบอกฉีดยาฉีดเข้าลำต้นหรือราดดินด้วย ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% WP หรือ เมทาแลกซิล 25% WP อัตรา 30 – 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- ทาแผลด้วยฟอสอีทิลอะลูมิเนียม 80% WP อัตรา 80 – 100 กรัม หรือเมทาแลกซิล 25% WP อัตรา 50 – 60 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร ทุก 7 วัน จนกว่าแผลจะแห้ง